8 ขั้นตอนแต่งแสงในห้องให้สวยลงตัว


แสงในห้องนั้นเป็นส่วนสำคัญที่เราควรใส่ใจเวลาแต่งห้องไม่แพ้การตกแต่งส่วนอื่น ๆ เพราะบรรยากาศของห้องนั้นก็ขึ้นอยู่กับแสงในห้องเช่นกัน ถ้าหากห้องดูมืดทึม ก็จะทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงาขาดชีวิตชีวา ในขณะที่ห้องที่ดูสว่างเกินไป ก็จะทำให้ห้องดูเก่าและสูญเสียบรรยากาศในการพักผ่อนได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรจัดแต่งแสงในห้องให้สมดุลด้วยวิธีการเหล่านี้

1. ดูทิศของห้องที่คุณจะจัด

ผู้คนมักจะแต่งห้องโดยไม่ได้คำนึงถึงทิศทางของห้องด้วย ทั้ง ๆ ที่ทิศของห้องนั้นเป็นส่วนสำคัญในการจัดห้องอย่างมาก เพราะแสงในห้องที่อยู่ในทิศทางที่ต่างกันนั้นจะดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เราจึงควรสังเกตทิศของห้องก่อน โดยห้องที่หันหน้าไปทางทิศเหนือนั้น จะได้รับแสงพอเหมาะ ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป ส่วนห้องที่หันเข้าหาทิศใต้จะได้รับแสงแดดค่อนข้างมาก ในขณะที่ห้องทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงเฉพาะในช่วงเช้า และห้องที่อยู่ในทิศตะวันตกจะมีแสงแดดส่องในช่วงบ่าย

2. เลือกสีให้เข้ากับทิศของห้อง

หลังจากที่ศึกษาแสงในห้องตามทิศต่าง ๆ แล้ว จากนั้นคุณก็ควรจะเลือกสีของห้องเพื่อให้เข้ากับแสงในห้องด้วย ทั้งนี้ ห้องที่อยู่ทางทิศเหนือนั้นได้รับแดดน้อยกว่าห้องอื่น ๆ เราจึงควรเลือกสีสว่างเพื่อให้ห้องดูสดใสขึ้น เช่น สีครีม สีขาว สีชมพู และสีเหลืองอ่อน ส่วนห้องที่อยู่ทางทิศใต้เหมาะกับสีโทนเย็นที่ดูเข้มหน่อย เช่นสีเขียวและสีฟ้า เพื่อไม่ให้ผนังดูซีดเมื่อถูกแดดส่องแรง ๆ สำหรับสีที่เหมาะกับห้องในทิศตะวันออก ควรเป็นสีสด ๆ โทนร้อน เพื่อทดแทนแสงแดดที่ขาดหายในช่วงกลางวัน และสุดท้าย ควรใช้สีโทนเย็นที่เข้ากับแสงสว่างได้ด้วย เช่นสีเทาและสีครีมกับห้องที่อยู่ในทิศตะวันตก

3. คำนึงถึงขนาดห้องด้วย

ระดับความเข้มของสีที่คุณเลือกใช้นั้นขึ้นอยู่กับขนาดห้องของคุณด้วย หากห้องของคุณมีขนาดใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สีที่ดูสว่างมากนัก เพราะจะทำให้ห้องดูโล่งจนเกินไป ในขณะเดียวกัน ควรใช้สีที่ดูสว่างในห้องที่มีขนาดเล็ก จะได้ดูปลอดโปร่งเหมือนมีอากาศถ่ายเทและแสงแดดเข้าถึงมากขึ้นในห้องของคุณ

4. แต่งเพดานและพื้นของคุณให้ถูกวิธี

ผู้คนมักสนใจแต่การตกแต่งผนังเพื่อเปลี่ยนอิมเมจของห้อง แต่ที่จริงแล้ว เพดานและพื้น ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างมิติหลอกตาให้ห้องดูมีขนาดที่เปลี่ยนไปได้เช่นกัน โดยที่การใช้พื้นสีเข้มและเพดานสีสว่าง จะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ ส่วนคนที่อยากให้ผนังดูยืดยาวขึ้นไปอีก แค่ทาเพดานด้วยสีที่อ่อนกว่าผนังก็เพียงพอแล้ว และในกรณีที่ห้องของคุณมีเพดานสูงจนทำให้ห้องดูไม่สมดุล ก็สามารถเลือกใช้พื้นและเพดานสีเข้มเพื่อให้ผนังดูสั้นลงได้เช่นกัน

5. จัดแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้พอดี

จำนวนเฟอร์นิเจอร์และตำแหน่งของมันส่งผลต่อความสมดุลของแสงในห้องมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นจึงควรจัดแต่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องของคุณให้เหมาะสม เพื่อให้ห้องดูโล่งสบายตา และมีแสงแดดเข้าถึงมากที่สุด ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเตี้ย และแบบที่มีดีไซน์โปร่งบางไม่หนาทึบเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ควรจัดวางเฟอรนิเจอร์ให้พอดี เพราะหากมีเฟอร์นิเจอร์ในห้องมากเกินไป จะทำให้ห้องดูมืดลง

6. เลือกสีของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม

สีของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่อยู่ในห้อง มีผลกับความสว่างพอ ๆ กับสีของผนัง เพราะฉะนั้นควรเลือกสีให้เหมาะกับแสงแบบที่คุณต้องการ หากคุณอยากให้ห้องดูสว่างขึ้นอีก ควรเลือกใช้แบบที่มีสีอ่อน  ๆ และหากระจกบานใหญ่ ๆ มาติด เพื่อให้แสงในห้องส่องได้ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม หากคุณทาห้องด้วยสีโทนสว่างจนห้องดูมีแสงแดดเข้าถึงพอสมควรแล้ว ก็ควรเน้นการตกแต่งด้วยสีเข้มเพื่อไม่ให้ห้องดูจืดชืดจนเกินไป

7. ใช้ผ้าม่านเพื่อให้แสงในห้องสมดุล

ถ้าหากว่าห้องของคุณยังไม่สว่างเพียงพอ คุณก็สามารถทำให้ห้องดูสว่างขึ้นได้ ด้วยการใช้ผ้าม่านที่มีเนื้อผ้าบางเบาและมีสีอ่อน ๆ แต่งห้อง เพื่อให้แสงสาดเข้ามาในห้องมากขึ้น ในทางกลับกัน หากว่าห้องของคุณสว่างเพียงพอแล้ว ควรเลือกใช้ผ้าม่านหนาทึบมีน้ำหนัก จะได้เป็นการกันแสงแดดจากภายนอก

8. ใช้โคมไฟเข้าช่วย

นอกจากแสงภายนอกแล้ว การติดโคมไฟในห้องก็จำเป็นเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรแสงจากภายนอกก็ไม่มีทางพอสำหรับการใช้งานของเรา โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ทั้งนี้ ถ้าหากต้องการให้ห้องของคุณดูสว่างและกว้างขึ้นก็ควรใช้โคมไฟติดเพดานสีขาว เพื่อให้แสงในห้องดูสว่างขึ้นอีก นอกจากนี้ เพื่อให้แสงดูสมดุลไม่สว่างจนเกินไป ก็ควรหาโคมไฟตั้งโต๊ะที่มีแสงสีเหลืองนวลมาประดับข้างเตียงของคุณด้วย

เพียงแค่ทำตาม 8 ขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้ห้องของคุณก็จะมีแสงที่ดูสมดุลสวยงามได้แล้ว เพราะฉะนั้นจัดห้องคราวหน้า ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้กันดูนะคะ

 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม