กูรูแนะ 5 วิธี ........เลือกบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ


กูรูแนะ 5 วิธี ........เลือกบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ 

สมาคมรับสร้างบ้าน - ปัจจุบันการสร้างบ้านส่วนใหญ่จะเปลี่ยนรูปแบบ จากการลงแรงช่วยกันมาเป็นการว่าจ้าง ลักษณะของการว่าจ้างจะมีอยู่ 2-3 รูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีข้อเด่นข้อด้อยแตกต่างกัน ลักษณะของการว่าจ้างแบบแรก เจ้าของบ้านจะหาช่างที่รู้จักหรือช่างในท้องถิ่น โดยจะจ้างค่าแรงในการก่อสร้าง เจ้าของบ้านเป็นผู้ซื้อวัสดุและดูแลการก่อสร้างด้วยตัวเอง การว่าจ้างโดยวิธีนี้เจ้าของบ้านคิดว่าจะสามารถควบคุมค่าจ้างได้ในราคาค่อนข้างถูก คุมค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี เพราะสามารถเลือกหาซื้อวัสดุในราคาที่ตนมีกำลังซื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะควบคุมค่าใช้จ่ายได้ยาก เพราะเมื่อลงมือก่อสร้างจริงๆ แล้วหากไม่มีการวางแผนงานที่ดีงบประมาณจะบานปลาย และอาจจะคาดการณ์ไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะต้องใช้เงินเท่าใด หากเงินขาดมือจะทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงัก ทำให้งานล่าช้าและจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย วิธีการว่าจ้างอีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้ช่างเป็นผู้รับเหมาทั้งค่าแรงและค่าวัสดุ วิธีนี้อาจจะจ้างได้ในราคาต่ำที่เจ้าของบ้านพอใจ แต่จะมีปัญหาตามมาเช่นกัน เช่น ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานของการก่อสร้างได้ เพราะช่างแต่ละคนมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน และอาจจะไม่ได้แสดงรายการวัสดุให้เจ้าของบ้านเห็นล่วงหน้า ไม่มีการแบ่งงวดงานอย่างชัดเจน ไม่มีการทำสัญญาจ้างทำให้ผู้รับงานที่ไม่มีความรับผิดชอบ อาจจะหาเรื่องทิ้งงานทั้งๆ ที่เบิกเงินค่าวัสดุและค่าแรงไปมากแล้ว และที่สำคัญคืองบประมาณมีโอกาสบานปลายได้เพระไม่มีการวางแผนที่ดีดังกล่าว สำหรับวิธีการว่าจ้างอีกอย่างหนึ่งในปัจจุบันคือ การว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านให้เป็นผู้ก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จ

บริษัทรับสร้างบ้าน นับว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ปัญหาที่กล่าวไว้ข้างต้นให้กับผู้บริโภค บริษัทรับสร้างบ้านจะมีทีมงานสถาปนิก วิศวกร ที่ทำหน้าที่ในการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง มีทีมงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์สูง จึงทำให้การทำงานมีมาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ สามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบจนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จ มีการแบ่งขั้นตอนการทำงานออกมาเป็นงวดงานที่ชัดเจน และเมื่อทำงานเสร็จในแต่ละงวด เจ้าของบ้านก็มีสิทธ์ที่จะเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนที่จะทำงานในขั้นตอนต่อไป การจ่ายเงินค่าจ้างก็เป็นไปตามงวดงานที่มีการกำหนดไว้ เจ้าของบ้านจึงสามารถวางแผนการเงินไว้ได้ล่วงหน้า มีการทำสัญญาว่าจ้างไว้ชัดเจน และมีการระบุวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างให้เจ้าของบ้านได้รับรู้ไว้ก่อนด้วย การสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน จึงทำให้เจ้าของบ้านมั่นใจไดัถึงคุณภาพของงานก่อสร้าง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้และไม่ต้องกังวลเรื่องการทิ้งงาน เพราะมีสัญญาว่าจ้างกำกับไว้ชัดเจนและที่สำคัญคือ งบประมาณไม่มีบานปลาย เมื่อตกลงว่าจ้างไว้เท่าใดก็คงอยู่อย่างนั้นจนบ้านแล้วเสร็จ

ความสะดวกและบริการที่ลูกค้าจะได้รับจากบริษัทรับสร้างบ้าน นอกเหนือจากการทำงานที่มีมาตรฐานดังกล่าวแล้วก็คือ การบริการก่อนและหลังการขาย การบริการก่อนการขายก็ได้แก่ การให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องแบบบ้าน การเลือกใช้วัสดุ เมื่อลูกค้าตกลงใจสร้างบ้านกับบริษัทแล้ว บริษัทก็จะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้าง ขอมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าชั่วคราวแทนเจ้าของบ้าน เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วบริษัทก็ยังดำเนินการขอเลขที่บ้าน ขอมิเตอร์ไฟฟ้าและประปาถาวรให้ บริการต่างๆเหล่านี้บริษัทรับสร้างบ้านดำเนินการให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

ในกรณีที่ลูกค้าต้องการขอสินเชื่อจากธนาคาร ทางบริษัทรับสร้างบ้านก็จะมีบริการติดต่อหาแหล่งสินเชื่อให้ โดยจะดำเนินการติดต่อประสานงานกับทางธนาคาร ลูกค้าพียงแต่เตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมเท่านั้น การขอสินเชื่อโดยผ่านการประสานงานของบริษัทรับสร้างบ้าน จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกเพราะบริษัทรับสร้างบ้านจะมีธนาคารที่พร้อมให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อรองรับอยู่แล้ว

บริการอีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าจะได้รับ เมื่อสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านก็คือ การรับประกันผลงาน ซึ่งหากลูกค้าสร้างบ้านกับผู้รับเหมารายย่อยหรือบริษัทที่ไม่มีมาตรฐาน ก็จะไม่ได้รับบริการในส่วนนี้ การรับประกันผลงานของบริษัทรับสร้างบ้าน อาจจะมีระยะเวลาและเงื่อนไขแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนโยบายและมาตรฐานของแต่ละบริษัท หากเป็นบริษัทที่มีมาตรฐานสูงและมีความเป็นมืออาชีพ จะมีเงื่อนไขและระยะเวลาของการรับประกันผลงานที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มาก เช่น มีระยะเวลาการรับประกันผลงานนานถึง 15 ปี มีการเข้าตรวจเยี่ยมบ้านอย่างสม่ำเสมอ หลังจากที่ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าแล้ว รวมทั้งหากมีปัญหาที่เร่งด่วนก็สามารถเรียกช่างของบริษัทเข้าไปดูแลแก้ไขให้ได้ทันที

เนื่องจากในปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านเปิดให้บริการ แก่ลูกค้าเป็นจำนวนมากนับเป็นร้อยๆ บริษัท แต่ละบริษัทจึงมีมาตรฐานและรูปแบการให้บริการที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคจึงต้องรู้จักเลือกบริษัทที่มีมาตรฐานเพื่อที่จะได้งานที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไป ในที่นี้จะให้ข้อเสนอแนะในการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านไว้โดยสังเขปดังนี้

1.บริษัทต้องมีทีมงานมืออาชีพ ทีมงานสำคัญที่เป็นหลักของบริษัทรับสร้างคือ ทีมสถาปนิกและวิศวกร โดยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานจะต้องมีสถาปนิกและวิศวกรประจำบริษัท เพราะจะทำให้สามารถออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง และให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง จนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จ ทีมงานสถาปนิกและวิศวกรต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวได้ได้จากเวบไซต์ของบริษัท

 2. บริษัทต้องศึกษาและพัฒนาเทคโนโยลีในการก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากได้มีการศึกษาวิจัย ทั้งในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีในการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงต้องติดตามและนำเทคโนโยลีใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าและสังคมโดยรวม ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำบางบริษัท ได้นำเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานมาใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าใช่จ่ายเรื่องพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย หรือการนำโครงสร้างสำเร็จรูปมาใช้ก็ยังมีส่วนช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง และลดการตัดต้นไม้ที่จะใช้ทำแบบสำหรับหล่อคอนกรีตได้อีกด้วย

3. บริษัทควรมีแบบบ้านให้ลูกค้าเลือกได้หลากหลาย เพื่อที่จะสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไม่จำกัด และจากแบบที่มีหลากหลายเหล่านี้ ยังสามารถยืดหยุ่นดัดแปลงเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้อีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพชั้นนำ จะมีแบบบ้านให้เลือกไม่น้อยกว่า 100 แบบ

4. บริษัทควรสามารถเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากที่สุด เช่น การมีสาขาของบริษัทที่อยู่ใกล้กับสถานที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถตรวจสอบควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของการก่อสร้างได้อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น ท่านต้องการก่อสร้างบ้านที่ระยอง แต่บริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพกับบริษัทที่มีสาขาที่ระยองก็พอจะมองได้ว่าบริษัทใดจะสามารถให้บริการได้ดีกว่ากัน ดังนั้นบริษัทที่มีสาขามากและแต่ละสาขาให้บริการในมาตรฐานเดียวกันจึงเป็นบริษัทที่จะสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า

5. การบริการก่อนและหลังการขาย ข้อมูลที่ลูกค้าของบริษัทรับสร้างบ้าน ควรจะมาพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกบริษัทอีกอย่างหนึ่งคือ การบริการก่อนและหลังการขาย ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าบริษัทใดให้บริการก่อนและหลังการขายได้คุ้มค่ากว่า อำนวยความสะดวดให้มากกว่า และมีการรับประกันผลงานอย่างไร มีการตรวจเยี่ยมหลังการขายอย่างไร มีแผนงานการบริการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมหรือไม่ เป็นต้น

ดังจะเห็นได้ว่าบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐาน และสามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่านั้น สามารถตรวจสอบได้ตามข้อเสนอแนะดังกล่าว และทางที่ดีลูกค้าควรจะได้มีโอกาสชมผลงานที่บริษัทได้สร้างไป ก็จะเป็นข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมรับสร้างบ้าน